หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563

4 อย่างต้องทำ หลังซื้อรถมือสอง


         4 อย่างต้องทำทันที หลังซื้อรถมือสอง 
   
1.จดบันทึก

          ข้อแรกเลยขอแนะนำว่าให้จดบันทึกข้อมูล อาจจะเก็บไว้ในคอม หรือบันทึกในสมุดก็แล้วแต่แล้วเก็บใส่เก๊ะไว้เลย.. ข้อมูลต่างๆเช่น ปีรถที่จดทะเบียนครั้งแรก ปีที่ท่านซื้อ ยี่ห้อรถ รุ่นรถ เลขกิโลหรือเลขไมล์รถยนต์ ในกรณีนี้แม้ตัวเลขไมล์อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดมาก เพราะใช้แค่เป็นหลักเริ่มในการบำรุงรักษาเท่านั้น

         ส่วนใหญ่แล้วรถบ้านแท้ๆมักไม่ค่อยปรับแต่งเลขไมล์กันเพราะเขาไม่รู้ทำที่ไหน  หรือเต้นท์รถยุโรปรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยปรับ (แต่ก็มีบางเต้นท์ที่เขาปรับ) เพราะดีไม่ดีอาจเพี้ยนทั้งระบบ  


2.ถ่ายให้หมด
   

         ต่อมาคุณควรจะถ่ายของเหลวในรถทุกชนิดออกแล้วเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ( ลองคิดดูว่าหากคุณจะขายรถ คุณจะเปลี่ยนทัังหมดก่อนขายหรือลากใช้ไปไหนๆก็จะขาย ) อาทิเช่นน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง , น้ำมันเกียร์ ออโต้ ,น้ำมันเพาเวอร์ , น้ำมันเบรค ,น้ำหม้อน้ำ บางที่ถ้าไส้กรองอากาศสกปรกมากอาจต้องเปลียน หรือถ้าขี้เกียจจำว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง  ถ้าไม่เข้าศูนย์บริการ ก็เอาเข้าคาร์แคร์หรืออู่ที่ท่านรู้จัก ให้เขาถ่ายของเหลวทั้งหมด  แล้วเมื่อเปลี่ยนใหม่ก็เริ่มจดบันทึกด้วยครับ เพราะน้ำมันแต่ละชนิดมีระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายไม่เหมือนกัน 

        ใครที่ต้องการใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์ น่าจะใช้ครั้งที่2 นะครับ เปลี่ยนครั้งแรกน่าจะใช้ธรรมดาก่อนถูกดีด้วย เนื่องจากรถยนต์อาจไม่ได้สตาร์ทนานหรือแค่สตาร์ทอยู่กับที่ ตามแหวนหรือผนังกระบอกสูบอาจจะมีคราบเขม่าเหนียวแน่น น่าจะให้น้ำมันเครื่องธรรมดาราคาไม่แพงทำงานเก็บคราบสกปรกก่อนซัก2-5พันกิโลเมตร แล้วครั้งต่อไปอาจใช้น้ำมันสังเคราะห์ แต่ถ้าเอาไปซิ่งเลยก็ ใช้ซิน (สังเคราะห์) ไปเลยก็ได้ ไม่ใช่เรื่องถูกผิดเอาเป็นเอาตาย


3.เปลี่ยนสายพานของแท้



        สายพานต่างๆ และสายพานราวลิ้น โดยทั่วไปสายพานราวลิ้นควรจะเปลี่ยนที่ราวๆ 80,000กม. รถมือสองใช้งานมาแล้ว 3-4 ปีก็ควรจะเปลี่ยนเลย สายพานต่างๆก็ควรเปลี่ยนไปเลย แล้วจดเลขไมล์ไว้แล้วก็มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ ส่วนสายพานประเภทมัลติริป ที่มีอยู่ในพวกรถยุโรป ก็ควรจะเปลียนไปเลยเช่นกันแม้ว่าราคาอาจจะสูงซักหน่อย แต่ก็ไม่ควรประหยัดในส่วนนี้ เว้นแต่แน่ใจว่ายังไม่ถึงกำหนดจริงๆ และเจ้าของเก่าเขาจอดทิ้งไว้ไม่นานสำหรับรถบางรุ่นที่ใช้โซ่แทนสายพานก็ให้ดูในคู่มือประจำรถ ว่าต้องบำรุงรักษาอย่างไร

4. ยางเรื่องสำคัญ


         คุณควรเช็คสภาพดอกยางด้วยว่า สึกมากหรือเปล่าก็เทียบกับยางใหม่ของรถคันอื่นๆนะครับ ไม่ต้องวัดให้มันตรงเป๊ะหรอก ดอกยางควรสึกสม่ำเสมอเท่ากัน ซ้ายขวา (แต่ข้อนี้คงไม่มีปัญหาเพราะอยู่ในขั้นตอนการเลือกซื้อรถแล้ว) ถ้าดอกยางสึกก็ควรเปลี่ยนไปเลย แล้วท่านก็จะได้ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อใหม่ไปด้วยเลย จะได้ขับอย่างสบายใจไปอีกนาน บางทีรถสั่น ไม่ได้มาจากศูนย์เสีย แต่เป็นเพราะยางบวม ดูด้วยตาอาจดูไม่ออก (ยางเปอร์เซนต์ระวังโดนดี ยางถูกๆก็มี)   อ้อ อย่าลืมเช็คผ้าเบรกด้วยนะ ก็ให้ช่างที่คุณจะเปลี่ยนยางนะเช็คให้เลยครับ ถ้าสึกแล้วต้องเปลี่ยน ไฟท์บังคับเลย

        ทั้ง4 ข้อนี้เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับผู้ซื้อรถมือสองนะครับ คุณน่าจะรีบทำทันทีเพราะการซื้อรถมือสอง คาดว่าคุณน่าจะได้สำรองเงินบางส่วนสำหรับการซ่อมแซมเล็กน้อยและการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่รีบ เดี๋ยวคุณก็จะมีค่าใช้จ่ายสำคัญและจำเป็นโน่น นี่ นั่น นู่น ทำให้ต้องเบิกเงินมาใช้ แล้วก็ไม่ได้ทำ แล้วอาจต้องมานั่งรำพึงแบบโบราณว่า  เสียน้อยเสียยาก  เสียมากเสียง่าย ก็ได้



 





วันเสาร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2561

เปลี่ยนยางแค่2เส้นได้ไหม?

      เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนยางแค่2เส้นควรจะเปลี่ยนอย่างไร?





      เดี๋ยวนี้ฝนตกไม่เลือกฤดูนะ ถ้ายางของคุณใช้มาจนเริ่มสึกแล้วหรือใช้มาก็2-3ปีได้แล้ว คุณควรจะเปลี่ยนยางได้แล้วครับเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง และคุณควรจะเปลี่ยนยางให้หมดทั้ง 4 เส้นเลย แต่บางครั้งคุณอาจเปลี่ยนได้เพียง 2 เส้นเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเงินของช่วงเวลานั้น (ยางสมัยนี้ไม่ใช่ถูกๆ ยิ่งถ้ารถคุณล้อขอบ 17” หรือมากกว่า เปลี่ยนครบ4ล้อ ขนหน้าแข้งร่วงเกือบหมด)

      แล้วจะเปลี่ยนข้างหน้าหรือข้างหลังดีล่ะ เรามีคำตอบให้คุณครับ แต่ที่แน่นอนที่สุดคือไม่ควรเปลี่ยนยางหน้าเส้นหนึ่งหลังเส้นหนึ่ง ยกเว้นคุณอยากไปเยี่ยมท่านยมบาลไวๆ......เอาละครับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันมากและทำให้ผู้คนสับสนไม่น้อย โดยเฉพาะช่างหรือ จุกกรู เอ้ย กูรูข้างบ้าน

      ส่วนใหญ่แล้วบริษัทผลิตยางบางแห่งมักจะแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนล้อหลังมากกว่า เมื่อมองในแง่ความปลอดภัยและ คิดในพื้นฐานที่ว่าผู้คนส่วนใหญ่ ใช้รถเก๋งขับหน้า (หรือแม้แต่ขับหลังก็เหมือนกัน) เป็นรถครอบครัว การแนะนำเช่นนี้ผมคิดว่าถูกต้องครับ 

      เพราะควรจะให้ยางที่เกาะถนนมากกว่าอยู่ข้างหลัง เพราะเมื่อใดก็ตามที่เกิดเบรกแรงเกินไปในขณะโค้ง ล้อหลังจะได้ไม่ล็อค เพราะถ้าล็อคขณะโค้งก็เป็นเรื่องเลยครับ เพราะรถบางรุ่นถึงแม้สามารถปรับแรงดันน้ำมันเบรกที่ล้อหลังอัตโนมัติ  แต่ใช้ไปนานๆมันก็ปรับได้ไม่เท่ากันทั้ง 2 ล้อหรอกครับ แล้วลองจินตนาการดูอีกกรณีหนึ่ง ถ้าคุณขับทางตรงด้วยความเร็วสูงแล้วคุณเหยียบเบรกกระทันหัน

       รถคุณก็ไม่ได้ใหม่เอี่ยมอะไร รถทั่วไปจะเซทให้เบรคหลังทำงานน้อยกว่าข้างหน้าอยู่แล้ว แต่เมื่อยางมันไม่ค่อยมีดอกแล้วและยางแข็งมากด้วย ถนนก็ยังลื่นอีก ถึงแม้เบรกหลังจะทำงานแค่ 20-30 %  และถ้าเบรกหลังคุณก็จับไม่เท่ากันทั้งซ้ายขวา นั่นก็อาจเพียงพอแล้วที่ทำให้เบรกหลังล็อค (ABS อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมดถ้าถนนลื่นและความเร็วสูงมาก)

      เหตุการณ์นี้จะทำให้รถหมุนปัดทีเดียว แต่ถ้ายางที่เปลี่ยนใส่ที่ล้อหลังมันจะเกาะถนนกว่า เหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดได้ยากกว่า บางท่านอาจจะแย้งว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ก็จริงครับ แต่เราพูดถึง รถเก๋ง ไม่ใช่เอาไปดริฟโชว์

      แต่ถ้ารถมี เอบีเอส และระบบปรับแรงดันน้ำมันเบรค รวมถึงผ้าเบรค ต่างๆ อยู่ในสภาพสมบูรณ์เหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีโอกาสน้อยเพราะรถดี แต่ก็ใช่ว่าจะชะล่าใจแล้วไม่เปลี่ยนยางนะครับ ถ้ามันสึกและหมดอายุแล้ว ควรจะเปลี่ยนนะครับ

   แต่มีอีกทฤษฏีหนึ่งที่  ช่างบ้านๆทั่วไปแนะนำ ก็คือ ควรจะเปลี่ยนล้อหน้า เนื่องจากล้อหน้านั้นต้องรับภาระทั้งขับเคลื่อน ทั้งเบรค ทั้งเลี้ยว และน้ำหนักเครื่อง ถึงแม้เป็นรถขับหลังภาระของยางหน้าก็มากกว่าอยู่ดี (ถ้าคุณขับเหมือนชาวบ้านนะไม่ใช่ออกตัวซะล้อฟรี)

     ในกรณีที่ไม่มีการสลับยางเลยหรือคุณสลับยางน้อยมาก ภายในเวลา 2 ปี ยางคู่หน้าอาจจะสึกจนอาจใช้การไม่ได้ดีโดยที่ยางหลังอาจยังพอใช้ได้อยู่อีก กรณีนี้คุณก็อาจเปลี่ยนยางที่คู่หน้าก็ได้ วิธีนี้ก็ถือว่าถูกนะครับ เพราะจริงๆแล้วขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์มากกว่า และอีกประการหนึ่งเมื่อคุณเปลี่ยนยางคู่หน้าเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว คุณจะรู้สึกว่ามันนิ่มและนิ่งขึ้น แถมเมื่อเบรกกะทันหันระยะทางเบรกก็สั้นกว่าด้วยถ้าใช้ยางคู่หน้าใหม่ (ไม่ได้ขับด้วยความเร็วสูงนะ)

สรุปแล้ว ยังไงล่ะ?

     สภาพถนนต่างจังหวัด  โค้งเยอะ   ถนนลื่น ขับไว    ก็เปลี่ยน 2 เส้นหลัง  (สำหรับคนทั่วไป ท้ายปัดกระทันหันเมื่อเหยียบเบรค อันตรายทำให้ตกใจได้มากกว่าหน้าดื้อโค้ง) 

     ขับในเมืองมากกว่า  รถติดๆ  ไม่ชอบซิ่ง ไม่ชอบแข่ง  หรือขับแค่เมืองเล็กๆ ขับไม่เกิน 60  ก็เปลี่ยน 2 เส้นหน้า ก็ได้ครับ 

     แต่ถ้าตอบแบบครอบคลุมคำตอบเดียว ก็อยากให้เปลี่ยนหลังมากกว่า จนเมื่อมีปัจจัยพอเพียง  อย่างไรก็แนะนำให้เปลี่ยนทั้ง 4 ล้อ อย่างแน่นอน

     หวังว่าผู้อ่านทุกท่านควรพิจารณาด้วยเหตุและผลมากกว่าเชื่อตามกันมาจากปากใครก็ไม่รู้นะครับ และขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขในการขับขี่ช่างหน้าฝนนี้นะครับ สวัสดีครับ

\




-----------------------------

Mr. M

การเลือกรถมือสองตอน1      การเลือกรถ Used car ตอน2


      หมายเหตุ :   บางทีอาจดูเหมือนข้ดความรู้สึกบางท่าน เพราะเอาไปเทียบกับมอเตอร์ไซด์และหนังฮอลลีวู้ด  ถ้าเป็นพวกมอเตอร์ไซด์นั้น ท้ายปัด จะคุมง่ายกว่าหน้าดื้อ  แต่ถ้าเป็นรถยนต์4ล้อ ถ้ามาด้วยความเร็ว แล้วคุณไม่ได้มีทักษะการขับแบบสตันท์มืออาชีพ  คนทั่วไปจะแก้อาการ หน้าดื้อ ได้ดีกว่า ท้ายปัด เพราะเมื่อท้ายปัด คนมักจะคืนพวงมาลัยในทิศตรงข้าม มากกว่าปกติ เพราะตกใจ นั่นก็ยิ่งทำให้รถส่ายไปส่ายมา ถ้าเป็นกระบะก็พลิกคว่ำลงร่องกลางถนนไปเลย

      ฉะนั้นขอยืนยัน ฟันธง เลยว่า Over steering (แบบไม่ตั้งใจ)ในยานพาหนะ 4 ล้อ อันตรายกว่า  Under steering สำหรับคนปกติ แต่ถ้านักขับทักษะสูง อาจจะคุมได้ทั้งสองแบบ   

    นี่เจอคลิป ยืนยัน ดูเลย

 

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

ใหญ่กว่า ได้เปรียบ

     ขนาด ใครว่าไม่สำคัญ

     เคยสังเกตุกันมั้ยครับ ว่ารถสมัยนี้ รุ่นใหม่ๆ ออกมา ล้อและยางมักจะแข่งกันใหญ่เดิม ฉันใหญ่กว่าเดิมนะ ฉันใหญ่กว่าคู่แข่งนะ เป็นจิตวิทยาการตลาดที่ว่า คนเรานั้นชอบของใหญ่กว่าเดิม หรือ?  ม่ายช้ายย แต่ที่จริงมันก็สวยกว่านั่นแหละ

 ล้อสมัยนี้ต้อง 18 - 20 นิ้ว

      เอาเป็นว่า เล่าเรื่องเหตุผลทางเทคนิคล้วนๆ แล้วกันนะครับ  เรื่องความสวยหรือเรื่องการตลาดไม่พูดดีกว่า   ที่เขาแข่งกันใหญ่เพราะว่า มันเป็นการได้เปรียบเชิงกลมากกว่าล้อเล็กกว่า  เป็นการทำให้รถเกาะถนนมากขึ้น เป็นการแก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องไปทำเทคนิค ช่วงล่างให้เปลืองต้นทุน แต่อย่างใด


สมัยก่อน ล้อ 16-17 ก็ถือว่าใหญ่แล้ว

     ผมจะอธิบายให้  เห็นภาพ แม้ผู้ที่ไม่ชอบเรื่องรถยนต์ ก็ต้องร้อง อ๋อ เลย  …… จะได้ไม่ต้องมาเถียงกัน , สงสัยกัน  (ที่เขาบ่น ก็เพราะ รถคันเก่าเปลี่ยนยาง ไม่เกินหมื่น  ออกรถใหม่สมัยนี้เปลี่ยนยางเกือบสองหมื่น  รถยุโรปนะ)

      สมมุติว่า ล้อรถ กำลังวิ่งไปด้วยความเร็วสูงทางตรง และสมมุติว่า กำลังเลี้ยวโค้งทำให้มีแรงผลักด้านข้าง  ไม่ว่าล้อใหญ่หรือเล็กนั้น จะมีขีดจำกัดเหมือนกัน  อย่างเช่น เมื่อเลี้ยวองศาเท่ากัน ในความเร็วเท่ากัน  ทั้งใหญ่และเล็กหาก ล้อหมุนเกิน 3000 รอบต่อนาที (ตัวเลขสมมุตินะ) ก็จะหลุดโค้ง เหมือนกัน 

      แต่ที่ความเร็วเท่ากัน นั้น  ล้อใหญ่ จะหมุนรอบน้อยกว่า ล้อเล็กจะหมุนจี๋เลย  โอกาสถึง รอบขีดจำกัดนั้น ล้อเล็กจะถึงเร็วกว่า   ลอง เอาเหรียญบาทมากลิ้งไถๆ เทียบกับ ล้อจักรยานดูซิ  จักรยานล้อใหญ่ถีบเล่นเอื่อยๆ  แต่เหรียญบาทหมุนจี๋เลย กว่าจะได้ความเร็วเท่ากัน

     ที่จริงนั้น มันมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายในการเกาะถนน  ทั้ง เทคนิคช่วงล่าง  น้ำหนักรถ  ดอกยาง  ความกว้างของหน้ายาง  ช่วงกว้างของล้อซ้ายขวา และ ความยาวฐานล้อหน้าและหลัง อีกมากมายจริงๆ

     แต่ผมยกเรื่องความได้เปรียบเชิงกล  ของของใหญ่และ ของเล็ก  โดยตัดปัจจัยอื่นๆ ไป  เพื่อให้ดูเห็นภาพง่ายขึ้น 

     อย่างเถียงกันๆๆ  ฟันธง ใหญ่กว่าได้เปรียบ  และที่จริง ใหญ่กว่าก็สวยกว่า อีกด้วย  ตอนหน้าเขียนเรื่อง แล้วล้อกว้าง (หน้า) ล่ะ อันไหนมีผลมากว่ากัน


-------------------

ทำไมคนรวยสาย VI ชอบรถมือสอง

          รถตลาดขนาดกลางรุ่นล่าสุดจากญี่ปุ่น เช่น  Accord ,Camry หรือ Teana นั้น  ดูให้ความภูมิฐานและสมรรถนะ ที่ดูดีขั้นมาอีกระดับเมื่อเทียบกับ คอมแพคซีดาน ทั่วไป   ราคาเริ่มแรกของกลุ่มนี้นั้น อยู่ราวๆ ล้านต้นๆ  ถึง เกือบ 2 ล้านบาท บางรุ่น ก็เลยหลัก 2 ล้านขึ้นมา  คุณรู้มั้ยว่า เมื่อผ่านไปประมาณ สองปี มูลค่าที่ซื้อขายกันในตลาดจะอยู่ที่เท่าไหร่    และเมื่อผ่านไปสี่ปี มูลค่าจะเหลืออยู่เท่าใด




       อย่างเช่นเบนซ์ C Class W 204 สภาพดี  ราคาลดลงจนคุ้มค่าการลงทุนทีเดียว  สมมุติซื้อ C class W 204  มือสอง ปี 13  กับซื้อ แอคคอร์ดใหม่เอียมราคาพอกัน อาจจะราวๆ ไม่เกิน 1.3-1.5 ล้านบาท ซักปีหรือสองปีผ่านไป แอคคอร์ดอาจมีมูลค่าร่วงต่ำกว่าอีก  




       ส่วนใหญ่รถใหม่ ใช้ 2-4 ปีราคาร่วงเร็วกว่า รถมือสองที่ซื้อมาแล้วใช้ไปอีก 2-3 ปี  (แต่ก็ไม่ทุกคันทุกยี่ห้อนะ)
                           
      และที่แท้ทรูอีกอันนึงก็คือ รถสมัยนี้ใช้ได้ดีเกิน 10 ปีเลยทีเดียว หากดูแลดีๆ  แต่ตรงนี้ เราพูดกันเรื่องของการซื้อใช้งานและมีคุ้มค่าในการลงทุนแฝงอยู่ด้วย 

       ซึ่งหลักเกณฑ์ง่ายๆ  ก็มีอยู่ว่า “ ซื้อรถยี่ห้อและรุ่นดีๆ  ในสภาพดีๆ  ในราคาประมาณ 70 %  ของรถใหม่  ใช้ ซักพักเมื่อขายต่อ ราคาก็ไม่น้อยกว่าราคาตอนที่ซื้อมือสองมาซักเท่าไหร่” แต่ได้ภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับธุรกิจหรือสถานภาพทางสังคม   และเมื่อถึงเวลาที่ฐานะทางการเงินพร้อม  จนไม่ต้องมาคิดเรื่องเหตุผลกันอีกต่อไป  ถึงตอนนั้นคุณก็ซื้อรถที่คุณอยากซื้อ  และ เมื่อเบื่อ ก็ขายออกไป ให้คนที่ต้องการรถคุณอีก เป็นวัฎจักรกันต่อไป                            



        ถึงตอนนี้เห็นมั้ยครับว่า ในท้องตลาดนั้น ยังมีรถสมรรถนะและภาพลักษณ์ดีๆ ไว้ให้คุณช็อปได้อีกมากมาย เนื่องจาก มีคนปล่อยออกมา เพราะว่ารถที่เริ่มเก่าหรือไม่ใช่รุ่นล่าสุด บางครั้ง ไม่เหมาะสมกับบารมีที่เพิ่มขึ้นของเจ้าของ  ไม่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ หรือขนาดธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้น  

        ยังมีอีกประเภทนึง ที่ ขายออกมาเพราะมูลค่าของรถนั้น สูงกว่าฐานะที่แท้จริงของเจ้าของมากเกินไป (เป็นภาระ)  จนทำให้ต้องตัดใจขายก็มี ไม่ใช่แค่ รถอุบัติเหตุ ชนแล้วขาย หรือ เป็นรถมีปัญหา ไปซะทั้งหมด                                  

       ตรงนี้ขอให้เข้าใจตรงกันก่อนว่าการลงทุนสำหรับเรื่องนี้ไม่ได้หมายถึงการทำให้เม็ดเงินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น     "แต่เป็นการลงทุนในภาพลักษณ์  ในอุปกรณ์บางอย่างที่เอาไว้ทำเงิน โดยประโยชน์ที่ได้รับ คุ้มค่ากว่า ค่าเสื่อมที่ลดลงของรถคันนั้น  " 

       แล้วแต่จะมองในมุมไหน มุมมองนักลงทุนหรือมุมมองนักบัญชี                                                       

ซื้อขับเล่น รักษาดี 30ปีผ่านไป เป็นมรดกได้เลย


        รถที่กล่าวมานี้น่าสนใจหรือเปล่าละครับ ถ้าคุณสนใจ  แต่ปัญหาต่อไปก็คือว่า จะทำอย่างไรคุณถึงจะเจอรถเหล่านั้น  ?   และ เมื่อพบกันแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่า เป็นรถสภาพดีจริงๆ ไม่ชนหนัก  ไม่ผิดกฏหมาย และ ไม่ใช่รถมีปัญหาที่แก้ไม่ตก ?    ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกครับ


---------------

บางที กว้างกว่า ก็ได้เปรียบ

      ยางหน้ากว้างๆ   อาจทำให้การเกาะถนนในทางโค้งดีขึ้นกว่ายางหน้าแคบ  และ อาจทำให้ระยะเบรคสั้นลง ก็ได้  หากเราทดลองใช้รถคันเดิม เปลี่ยนยางหน้ากว้างและแคบ  แล้ววัดผล  ก็จะเห็นว่า ยางกว้างกว่าหยุดดีกว่า  เนื่องจากได้เปรียบกว่าจากขนาดของพื้นที่ของยางที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับน้ำหนักรถ

     แต่มีข้อแม้ว่า ระบบเบรคและช่วงล่าง ต้องสมบูรณ์ด้วยนะครับ  หากเปลี่ยนแต่ล้อและยาง แล้วระบบเบรคแบบไม่ดีๆ ก็ไม่ทำให้หยุดดีขั้นได้  


       ลองเปรียบเทียบให้เห็นภาพแบบสุดโต่งเลย จะได้จินตนาการและเข้าใจได้ชัดๆ  .....เอาเป็น สมมุติว่า เครื่องบิน โบอิ้ง กำลังแลนดิ้งลงสู่พื้น ด้วยความเร็วประมาณ 250  km /hr และ ณ. จุดที่เครื่องบินแตะพื้น มีรถสปอร์ต คันหนึ่ง อยู่ใน รันเวย์ข้างๆ กัน กำลัง เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ประมาณ 250 km/hr เท่ากัน

      ให้ทั้งสองเบรคเต็มที่จน ABS ทำงาน และควันขึ้น  คุณว่าคันไหนจะหยุดก่อนกัน  (เครื่องบินเขามี ABS ล้ำหน้ารถยนต์มาก) 


      แม้ว่าล้อและยางเครื่องบินจะใหญ่กว่าล้อรถยนต์มากๆๆ  แต่สัดส่วนของน้ำหนักของเครื่องบินต่อล้อและยางมันมากกว่าสัดส่วนระหว่างล้อรถกับน้ำหนักรถ  ก็เลยทำให้กว่าจะหยุดได้ต้องใช้ระยะเวลานานใช้ระยะทาง Landing หลายร้อยเมตร 

      และถ้าดูด้วยสายตา ล้อและยางเครื่องบิน มีขนาดนิดเดียวเมื่อเทียบกับขนาดมัน  สรุปก็คือ  ขนาดพื้นที่สัมผัสถนน ยิ่งมาก เมื่อเทียบกับ น้ำหนักพาหนะ  ก็จะยิ่งเกาะถนนและประสิทธิภาพเบรคดีขึ้นครับ  


       -------------------------------------

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แบบไหนดี รถบ้านหรือรถเตนท์

     


       เมื่อเกือบสองปีมาแล้ว  คนข้างบ้านผมใช้ Civic FB ซื้อมาได้ 2 ปีกว่า แล้วก็เอาไปเทิร์น HRV    ความจริงCivic fb คันนี้ไม่เคยชนเลย ที่ทำงานก็ใกล้บ้าน ไปกลับๆทุกวัน  ออกต่างจังหวัดบางครั้ง  ทำงานราชการทั้งสามีภรรยา เหตุผลเพียงเพราะ ลุกไม่สนุก นั่งไม่สบาย วิวไม่โปร่งตา ......คือไปลองขับ HRV ที่มอเตอร์โชว์มา ก็ได้เรื่องเลย    ทั้งๆที่ตอนเห็นทีแรก เขาว่าถูกใจรูปทรง Civic มาก จึงซื้อ

     เทิร์นรถจากศูนย์ฮอนด้าไป น่าจะราวๆ 4 แสนปลาย  สำหรับนักเล่นรถมือสองนะครับ ประเด็นคือหากเรามองหารถคันนี้ แล้วได้เจอเจ้าของรถคันนี้พอดีหละครับ รถสภาพยังใหม่เอี่ยม เสียดายเนอะ  

   และแล้วรถบ้าน มันก็ได้กลายเป็นรถเต้นท์ ในสภาพเกรด A  ให้คนได้ซื้อหากัน....  แน่นอนราคาก็ต้องบวกกำไรตามสมควร

    จะว่าไป  บางครั้ง รถเต็นท์หรือรถบ้าน ไม่สำคัญ เท่าสภาพรถ  รถบ้านเยินๆ เจ้าของใช้ราวกับเกลี่ยดช่วงล่างมาแต่ชาติปางก่อน ก็มี  ชนแล้วชนอีกก็มี  คือจะบอกว่าสภาพรถน่ะสำคัญกว่า คำว่า รถบ้านหรือรถเตนท์ซะอีก  และต่อมาก็คือราคา ที่เรารับได้ ก็แค่นั้น 

   สรุป จะบ้านหรือเต้นท์  หากดูรถเป็น ก็แค่ดูที่สภาพและราคา ที่เราพอใจ  ....จบ

   แต่ถ้าเลือกรถเต้นท์ คุณแค่ต้องเลือกเต้นท์ที่เขารับประกันเรื่องการชนหนัก พลิกคว่ำ และจมน้ำ  และต้องมี การรับประกันเป็นรายลักษณ์อักษร  จะกี่เดือนก็่ว่ากันไป.......... และที่สำคัญอีกเรื่องนึงคือ Service Mind    จริงใจในการขาย  เต็มใจในการบริการหรือเปล่า? ถ้าไม่ยอมให้ลองขับ ก็อย่าไปซื้อเลย


 ฝากไว้ให้ฉุกคิดครับ      ......




วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ออปชั่นในรถ คิดว่าคุ้ม เอาเข้าจริงก็ไม่จำเป็น

   รถใหม่ๆ ของเล่นหรืออุปกรณ์ที่ใส่มาจำเป็นแค่ไหน? 

   จำเป็นสิ  ถ้าไม่มีจะกลายเป็นเชย หรือดราม่ารถราคาขนาดนี้ ไม่มีโน่นนี่นั่นให้ สู้รถญี่ปุ่นไม่ได้...บราๆๆๆ



   
       

         สมัยก่อน ไม่ต้องย้อนไปไกลนัก แค่ราวๆ 10 กว่าปีมานี่เอง รถญี่ปุ่นเกือบทุกค่ายที่ขายแบบ mass ทัศนวิสัยรอบคันดีจะตาย  จะมองด้านหน้าก็กะง่าย เสา A ไม่ต้องเบ้อเร่อ เหมือนแข็งแรงแต่ไร้ประโยชน์  เสา B ก็ไม่ต้องหนามาก ทำยังกะเป็น BMW ส่วนเสา C นั้น ก็ไม่ค่อยบังตอนเวลาเราเอี้ยวตัวมอง 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ a pillar car


        เมื่อก่อนรถ ECO CAR หรือ B Seg จะรูปทรงกระทัดรัด เป็นกล่องๆ หน้า หลัง ซ้าย ขวา จะเห็นชัดขับง่าย   เจ้ากล้องมองหลัง มองข้าง มองบน มองล่าง  บางทีก็ไม่จำเป็นเพราะทัศนวิสัยรอบคันมีดีอยู่แล้ว พอมาเดี๋ยวนี้ รถแต่ละคันท้ายเบ่อเร่อ มองไรก็ไม่เห็น กะก็ยาก แลกกับรูปสวย และ ลู่ลมประหยัดน้ำมัน ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่ค่อยมีใครขับ เกิน 140 อยู่แล้วและช่วงล่างก็ไม่เหมาะกับความเร็วสูงด้วย  ฉะนั้นลู่ลมไป ก็ได้แค่ความสวยมากกว่า (ไม่สวยขายไม่ออกนะ)

        ถ้าไม่เอาแอร์ออโต้ ปุ่มสตาร์ท smart entry  กล้องรอบคัน จะลดต้นทุนได้แค่ไหนนะ  ที่สำคัญอะไรรู้มั้ยครับ เวลาระบบสมองกลเครื่องยนต์ หรือ ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติล่ะก็  ช่างข้างทางเอาไม่อยู่ ต้องศูนย์อย่างเดียว  แม้แต่ศูนย์ก็เถอะ บางศูนย์ก็แถไปเรื่อย ช่างได้ชั่วโมงซ่อมไปวันๆ

       มิน่า พวกแต่งรถบางกลุ่ม หรือพวกที่ชื่นชอบ อเมริกัน มัสเซิลคาร์ ถึงนิยมใช้รถยุค 80-90  เพราะมันซ่อมง่าย แต่งง่าย ไม่จุกจิก ไม่มีไฟฟ้าโน่นนี่นั้นมากมาย .....


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ dom car fast furious
สำหรับดอม ต้องมัสเซิ่ลคาร์ แมคคานิคล้วนๆ

       ถ้าอยากมีชีวิตเรียบง่าย ไม่เป็นหนี้นาน  ทำไมไม่ลองมองหามือสองซ่อมง่ายแต่งง่ายสักคัน  (ดูอย่างดอมสิ) หรือ รถพลังงานไฟฟ้าก็น่าสนนะ  อีกไม่นานคงวิ่งกันเกลื่อนเมือง 


       ห๊า... ออปชั่นกล้องรอบคันเพิ่มหลายหมื่น .... ซื้อติดเองเลย DIY



      อ่าน วิธีเลือกรถมือสองตอน1 และ ตอน2 

      



   

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เลือกรถให้เป็น ไม่ต้องเสี่ยงย้อมแมว 2

การเลือกซื้อรถมือสอง2
ตอน1 อยู่ที่นี่


    5.เช็คใต้ท้องและหลังคา

    ในบางกรณีที่รถถูกชนหนักมาบางส่วน แต่ส่วนอื่นๆยังสมบูรณ์อยู่ คุณคงเคยเห็นรถที่เกิดอุบัติเหตุแบบที่ด้านหน้าชนซะยับเยิน แต่ส่วนอื่นตั้งแต่ห้องผู้โดยสารจนถึงส่วนหลังยังดีอยู่ แบบนี้คงเคยเห็นใช่มั้ยครับ




     หากเป็นรถใหม่มีประกัน ประกันเขาก็จะจ่ายให้เจ้าของรถแล้ว บ.ประกันเขาก็อาจขายต่อให้พวกที่รับซื้อซากรถหรือรับซื้อรถอุบัติเหตุเพื่อนำไปซ่อมแซมแล้วขายใหม่อีกครั้ง หากชนหนักมากๆจนซ่อมไม่ได้เขาก็จะตัดส่วนที่ยังดีอยู่เช่น ท่อนหน้าหรือท่อนหลังเอาไว้ใช้ ส่วนที่เหลือก็ขายเป็นเศษเหล็ก Recycle ไป

     หากชนหนักปานกลางพอซ่อมได้ เขาก็จะเก็บไว้แล้วอาจใช้วิธีตัดส่วนที่เสียหายออก เช่น ตัดส่วนหน้า ตัดส่วนท้าย ตัดเฉพาะหลังคาออก แล้วเอาเฉพาะส่วนที่ดีๆ ของรถคันอื่นมาเชื่อมต่อ แล้วเจียรให้เนียน ทำสีดีๆ

    แค่นี้ก็ดูเหมือนใหม่แล้ว แม้ปัจจุบันนี้การทำแบบนี้จะน้อยกว่าเมื่อก่อนแต่ก็ยังไม่หมดไปซะทีเดียว วิธีสังเกตุนะครับตามนี้เลย (ปัจจุบัน 2014 วิธีนี้น้อยลงมากถึงมากที่สุดแล้วครับ)

    ใต้ท้องรถ มาดูใต้ท้องกันดีกว่าแค่คุณก้มดูใต้ท้องรถซะหน่อย อาจจะยังไม่ต้องถึงใช้แม่แรงหรือ hoist ยก ก็ได้ รถเก๋งจะใช้โครงสร้างแบบ โมโนคล็อค ซึ่งผนังหรือเหล็กทุกชิ้นที่ขึ้นรูปเป็นตัวถังมีส่วนในการรับน้ำหนักหรือต้านทานแรงบิด

    หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดรูปไปจากเดิม แน่นอนย่อมส่งผลถึงความปลอดภัยและสมรรถนะไม่มากก็น้อย ผมจึงให้ความสำคัญกับส่วนโครงสร้างตัวถังเป็นอันดับแรก


    ก้มลงไปดูเลยครับส่วนใหญ่ใต้ท้องรถจะสีดำด้านๆเหมือนกันหมดลองสังเกตุดูที่สี แต่หากฝุ่นหรือขี้ดินเยอะ ก็ลองสังเกตุส่วนของโครงหลักสองแท่งซ้ายขวา ขนานตามยาวกับตัวรถน่ะครับ ไม่ควรมีตะเข็บ บิดหรือเบี้ยว หรือเป็นรอยเชื่อมต่อนะครับ


    สังเกตุดูดีๆ ใจเย็นๆ หากสิ่งผิดปกติปรากฏ sense คุณจะบอกเอง เพราะมันจะผิดปกติจากพื้นที่ข้างเคียงอยู่แล้ว การเลือกซื้อรถมือสอง ต้องใจเย็นๆ





    หลังคารถ ขึ้นมาดูบนหลังคาซักหน่อย คุณเห็นรางน้ำฝนหรือรางที่ใส่แร็ควางบนหลังคามั้ยครับสีดำๆหรือ “สัน”ที่นูนๆขึ้นมาก็ได้ หากมีลองสังเกตุดูซักหน่อยเล็งดูว่า เส้นมันคดหรือไม่เรียบเป็นคลื่นหรือเปล่า

     แล้วหากทำได้ลองแงะรางพลาสติกสีดำที่แนบไปบนหลังคาน่ะครับ แงะเบาๆ เท่าที่ทำได้ ไล่ดูไปว่ามีร่องรอยการเชื่อมหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่ถ้ามีการเชื่อมเขาจะเจียได้เนียนทั้งแผ่นยกเว้นบางจุดที่ซุกซ่อนอยู่บริเวณนี้ หากไม่มีร่องรอยใดๆเลย ลักษณะทางกายภาพเหมือนพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ก็ผ่านครับ


สังเกตุดูตามรูป



   6.ถอยออกมาดูภาพรวมและสังเกตุเส้นขนาน

     เมื่อคุณสนใจรถคันนี้แล้วควรให้ผู้ขายถอยออกมายังลานกว้างหากผู้ขายสะดวก แต่หากเขาไม่สะดวกอ้างว่าต้องมัดจำก่อน ผมว่าควรหาคันอื่นดีกว่า

    ยกเว้นเขาจะมีเหตุผลที่ดีพอเช่นการจะเอารถคันนี้ออกมาจากเต้นท์หรือจากโรงรถบ้านของเขามันต้องถอยรถคันอื่นอีกหลายคันหรือพื้นที่ไม่อำนวย แต่อย่างไรก็ตามอยากให้คุณดูให้ละเอียดก่อนรวมถึงทดลองขับในบริเวณที่แคบๆ ของเขาก่อนก็ได้


   เมื่อรู้สึกว่าน่าจะ Ok อาจเจรจาที่จะขอขับไปข้างนอกไกลๆหน่อยโดยอาจตกลงกันในเรื่องค่าน้ำมันหรือค่าเสียเวลาหากคุณไม่ถูกใจ เอาล่ะกลับมาทีนี้เมื่อรถอยู่ในที่กว้างพอประมาณที่จะดูแบบ Zoom-in ,Zoom-out ได้แล้ว สังเกตุตามนี้



    -ดูหน้าตรง สายตาคุณต้องไม่เข ,ไม่เอียง หาเส้นแนวนอนหรือเส้นระนาบตรงไหนก็ได้บนตัวรถเพื่อไว้ใช้อ้างอิง เช่นแนวเส้นขอบกระจกเทียบกับเส้นขอบกระจังหน้า กันชน สเกิร์ต ว่ามันขนานกันหรือเปล่ารถบางคันถูกชนหนักมาและถ้าซ่อมไม่ดีอาจทำให้เส้นเหล่านี้ไม่ขนานกันก็ได้


    วิธีสังเกตุแบบนี้หากไม่ถอยออกมาดู ไม่มีทางที่จะมองเห็นหรอกครับ ด้านหน้ารถนี่ดูง่ายเพราะเราสามารถเปรียบเทียบความสมมาตรซ้ายขวาได้ ความจริงการสังเกตุเห็นความผิดปกติ ของการเลือกรถมือสองนั้น ง่ายกว่า หาความผิดปกติของรถใหม่เสียอีก ถ้ารู้หลัก เพราะถ้ามีการซ่อมแซม มันไม่มีทางสมมาตร100%


   ลองดูภาพตัวอย่างครับสองคันนี้ต่างกันอย่างไร







    เห็นมั๊ยครับ เบี้ยวตรงไหน (ตัวอย่างแต่งด้วย โฟโต้ช็อป)


    -ดูด้านท้ายรถ หาเส้นอ้างอิงขนานเพื่อเปรียบเทียบกับเส้นอื่นเช่น เส้นขอบกระจกหลังกับขอบฝากระโปรง ต้องขนานกับเส้นอื่นและสมมาตรกันทั้งซ้ายและขวา ดูลักษณะเดียวกันกับหน้าตรง


    -ดูด้านข้างซ้ายและขวา ตรงนี้แค่ดูภาพรวมไม่ต้องซีเรียสอะไร ดูยากหน่อยเพราะอาจไม่มีจุดอ้างอิงเปรียบเทียบในสายตาในเวลาเดียวกัน เหมือนหน้าตรงและหลังตรง แต่คุณแค่สังเกตุดูทั้งซ้ายและขวา


    การถอยมาดูภาพรวมบางครั้งเราอาจเห็นอะไรที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อดูใกล้ก็ได้ครับ อย่างเช่น อาจเจอเฟรมประตูหน้าหลังมันเหลื่อมไม่เท่ากัน หรือว่าลองเดินแบบ Zoom-in อาจเห็นว่ากรอบประตู ที่มันดูไม่ตรงกันอาจเห็นได้ชัดว่า มันเผยอ ออกมาหน่อยๆไม่เรียบ อะไรทำนองนี้


    และอีกอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องช่องว่างระหว่างกันชนส่วนที่เป็นพลาสติกกับตัวถังที่เป็นเหล็กมากนะครับ เพราะการกระแทก การชนที่ไม่หนักอะไรก็สามารถทำให้ช่องว่างหรือช่องไฟของกันชนกับตัวถังไม่เท่ากันได้ เบื้องต้น 6 ข้อน่าจะพอเพียง สำหรับการเลือก used car ที่คุ้มค่า อ่านดูดีๆอาจช่วยคุณไม่ให้โดนรถย้อมแมวได้แล้วล่ะครับ


      ลองศึกษาดูนะครับ หากคุณเป็นคนช่างสังเกตุและชื่นชอบในเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ลองศึกษาดูดีๆและลองทดลองดูไม่กี่ครั้งเชื่อว่าก็สามารถทำได้


     ที่สำคัญรถของคุณเงินของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกซื้อรถมือสองจากบริษัทรถยนต์ที่เชื่อถือได้ในมาตรฐานการตรวจสอบที่บริษัทรถยนต์ลงมาเล่นเอง เช่น โตโยต้าชัวร์ หรือ เบนซ์ เซอร์ทิฟิเคเตด หรือบริษัทตรวจสภาพอิสระอื่นๆ ที่มีการรับรองและรับประกันการชนหนัก แต่อย่างไรก็ตามคุณควรมีความรู้ไว้บ้างไม่ดีกว่าเหรอครับ


     --------------------------------


      ปล.จะซื้อรถมือสองไปทำไม ในเมื่อรถใหม่ eco car เดี๋ยวนี้ราคาถูกมากๆ ? บางทีเราก็ไม่ได้นึกถึงประเด็นเรื่องราคาครับ.... ลองจินตนาการดูว่า รถในภาพข้างล่างเหล่านี้ บางทีใช้ไปเพียง 4 ปี ราคาประเมินกลับตกลงไปกว่าครึ่ง ทั้งๆที่สภาพยังปิ๊งอยู่เลย บางทีอาจเป็นพรรคพวกคุณ ต้องการขายด่วน หรือ เศรษฐีบางคน ไม่เคยใช้รถเกิน 4 ปี ทั้งๆที่ดูแลมาอย่างดี ถ้าคุณมีความรู้และดูรถเป็นล่ะก็


...... จับเอามาขับเล่น โดยที่ไม่ต้องลงทุนสูงเกินไป แถมเบื่อแล้วเมื่อขายไป ราคากลับตกไปนิดเดียว (เพราะมันตกลงมามากแล้ว)








ขอให้โชคดี







เลือกรถให้เป็น ไม่ต้องเสี่ยงย้อมแมว 1

แนะนำการเลือกรถมือสอง

     เขียนเพื่อต้องการให้ผู้ซื้อรถมือสองดูรถเป็นในเบื้องต้น จะได้ไม่ต้องโชคร้ายซื้อรถที่ถูกเต้นท์รถย้อมแมว (พวกย้อมแมวนี้นอกจากจะไม่ซื่อแล้ว ยังทำลายวงการนี้ ทำให้เตนท์รถที่ซื่อสัตย์ พลอยเสียภาพลักษณ์ไปด้วย) แน่นอนคุณอ่านบทความนี้จบ คุณไม่อาจเป็นเซียนได้ในทันที แต่เชื่อว่า อย่างน้อยที่สุด คุณจะได้ความรู้และพอจะดูรถมือสองเป็นบ้างในจุดที่สำคัญจริงๆ ไม่มากก็น้อย


     ย้อนหลังไปในอดีต รถที่ผมซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงคันแรก คือรถมือสอง ถึงแม้ว่าเราจะชอบและศึกษาเรื่องรถยนต์มาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามการซื้อรถมือสองไม่เหมือนซื้อรถใหม่แน่นอน และรถที่ผมซื้อนั้น ภายนอก ห้องเครื่อง สี ดูใหม่ ทุกอย่าง และทำให้ผมตกหลุมรักมันทันที

     เรื่องมันเดาไม่ยากหรอกครับ .....ใช่แล้ว รถคันที่ผมซื้อน่ะ มีปัญหาตามมาภายหลังพอสมควร เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุบริเวณใต้ท้องรถ หนักพอควร จึงทำให้เจ้าของเก่า ต้องขายทิ้งไปที่เต้นท์ทันทีและเต้นท์ได้ทำสีและทำความสะอาดทุกอย่างจนดูเหมือนของใหม่ และราคาก็ค่อนข้างสูงเลยเข้าใจว่า

    ราคาสูงกว่าเต้นท์อื่นน่าจะเป็นรถดีกว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของ ผู้ซื้อที่ โดนรถย้อมแมว ได้อย่างดีทีเดียว

    และหลังจากนั้น ......จึงได้มีโอกาสเรียนรู้และทำงานเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถและคัดแยกเกรดรถยนต์ใช้แล้วหรือรถมือสอง และด้วยแรงบันดาลใจข้างต้นบวกด้วยความชอบส่วนตัว

    บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่อ่านตำราต่างๆแล้วเอามาเขียน ซึ่งบทความนี้เคยเผยแพร่ ในบล็อคของ โอเคเนชั่น มาก่อน

    ต่อจากนี้ ผมจะแนะนำเฉพาะในสิ่งที่คุณทำได้จริงๆเท่านั้น และเผอิญมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องตรวจสอบก่อนที่จะซื้อรถคันนั้นนะครับ


     หลังจากที่ท่านเล็งรุ่นและยี่ห้อใดๆ ไว้ในใจแล้ว ไม่สำคัญว่าที่มาของรถจะมาจากไหน จะเป็นรถบ้านประกาศขายเองหรือรถเตนท์ หลักการตรวจสอบเบื้องต้นของการเลือกรถมือสองย่อมเหมือนกัน ผมอยากแบ่งเป็นสามส่วนหลัก ๆ ก่อนคือ

     1.Checking of Major Defects ซึ่งได้แก่ ส่วนของโครงสร้างหลักของตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย เป็นต้น

    2.Checking of Minor Defects ซึ่งได้แก่ อุปกรณ์ต่างในรถ เช่น สวิชต์ต่างๆ ไฟเลี้ยว กระจกไฟฟ้า วิทยุ แอร์เครื่องเสียง กลไกเบาะ มาตรวัดต่างๆ หรือ อาจเป็น สีรถทั้งภายนอกและภายใน ที่อาจชำรุดทรุดโทรมไปเนื่องจากการใช้งาน หรือ เสียหายจากอุบัติเหตุ

    3.Contract & Documentation ได้แก่เรื่องราวเกี่ยวกับสัญญาและการตรวจสอบเอกสาร จำนวนเงินและดอกเบี้ยที่ติดไฟแนนซ์อยู่ รวมถึงประกันภัยหากซื้อเงินผ่อน

    สำหรับบทความนี้จุดประสงค์ของผมต้องการให้คุณตรวจสอบเป็น และทำได้ด้วยตนเอง ถึงแม้ไม่มีความรู้มาก่อน จึงอยากนำเสนอในเฉพาะเรื่อง การดูโครงสร้างตัวถังก่อน ในหมวด Major Defects ที่ผมเน้นโครงสร้างตัวถังก็เพราะ..

    หากโครงสร้างตัวถังเสียหาย เมื่อซ่อมแซมแล้ว เป็นไปได้ยากที่จะทำให้ทุกอย่างเที่ยงตรงเหมือนโรงงาน และมีผลต่อเนื่องไปถึงระบบอื่นๆอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่าง เกียร์ และอื่นๆ แต่หาก โครงสร้างตัวถังปกติแล้ว ส่วนอื่นๆ หากเกิดความเสียหาย ยังสามารถซ่อมแซมหรือ เปลี่ยน เพื่อให้สภาพกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมได

     เอาล่ะครับ เมื่อคุณตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองแล้ว เริ่มดูเป็นข้อๆ ตามนี้ไปเลยนะครับ คุณควรดูผ่านตาไว้บ้างไม่น้อยกว่า 3-4คัน ถ้ามันเป็นรุ่นและยี่ห้อเดียวกัน คุณอาจจะเห็นสิ่งผิดปกติบ้างแล้วก็เป็นได้ เพราะการเปรียบเทียบจากรุ่นเดียวกันก็เป็นหลักการหนึ่งในการตรวจสอบ เรามาเริ่มกันที่
      1 . สังเกตุช่องว่าง(Gap)หรือช่องรอยต่อของตัวถัง

      ลองเดินดูรอบๆ ตัวถังรถก่อน ในความเป็นจริงคุณอาจไม่สามารถดูรถในบริเวณพื้นที่ที่กว้างขวาง เพื่อที่จะดูแบบ zoom-in , zoom-out ได้อาจเนื่องด้วยขนาดของพื้นที่ของผู้ขายหรือเป็นความจงใจของผู้ขายที่ไม่อยากให้คุณสังเกตุดูอย่างใกล้ชิดก็เป็นได้กลัวว่าคุณจะเห็นข้อบกพร่องของตัวรถ

     สมมุติว่าเป็นพื้นที่แคบๆ แล้วกัน อย่างตามเตนท์ทั่วไป ที่รถจอดซ้อนๆกันอยู่เยอะ ดูสีหรือแสงที่สะท้อนอาจดูลำบาก ดูการเปรียบเทียบช่องไฟซ้ายขวาก่อน ช่องไฟหรือช่องว่างระหว่างรอยต่อของเหล็กสองชิ้น



      ตามรูป เช่น ฝากระโปรง กับ บังโคลน , ฝากระโปรงกับ กระจังหน้า บังโคลน กับ ประตูหน้า รวมถึงช่องไฟทุกช่อง คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ระยะห่างแค่ไหนถึงปกติ ไม่มีใครรู้หรอกครับผมก็ไม่รู้ เพียงแต่หากเราจะใช้วิธีเปรียบเทียบกัน ด้านซ้ายกับด้านขวา ปกติแล้วช่องว่างหรือช่องไฟ มันจะเท่ากันไม่ว่าจะเป็นประตูหน้า,หลัง หรือ ซ้าย , ขวา



      หากแตกต่างกันขนาดมองเห็นได้ชัดนั่นอาจ สันนิษฐานได้ว่า มีการซ่อมแซมใหญ่ พยายามทำให้เข้าที่แต่มันไม่เข้าที่อะไรทำนองนั้น ใช้สายตาประเมินนะครับ ไม่ต้องถึงขนาดพกไม้บรรทัด เดี๋ยวเจ้าของเตนท์หรือพนักงานขายเขาจะค้อนเอา ก็หากจุดนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ดูจุดต่อไปเลยครับ 


     2. เล็งสังเกตุดูที่สีและสังเกตุเงาสะท้อนของสี
    อันนี้ดูยากหน่อย เพราะแสงในเตนท์รถบางเตนท์ไม่สว่างนักต้องใช้แสงนีออนร่วมด้วย ถ้าแสงสว่างธรรมชาติเข้ามามากๆ การดูเงาสะท้อนหรือการตกกระทบของแสง จะสังเกตุได้ดีกว่า แต่เอาเถอะหากแสงนีออนก็ไม่เป็นไร ดูเท่าที่ดูได้ ดีกว่า คุณดูเงาสะท้อนในสีรถหากบางจุดเรียบ บางจุดดูคล้ายเป็นลอนคลื่น


    แต่หาก ช่างซ่อมมาดี คุณอาจสังเกตุไม่เห็นก็ได้ หากไม่มีประสบการณ์มากพอ แต่เราใช้เกณฑ์วัดจากสายตาคุณ ไม่ใช่สายตาของผู้มีประสบการณ์สูง หากรอดพ้นสายตาคุณ ก็อาจเป็นได้ว่า ไม่มีการซ่อมแซมหรือซ่อมแซมมาดีจน ไม่มีปัญหาใดๆ ก็ได้

    เอาล่ะครับลองไล่ดูตั้งแต่ แนวบังโคลน ประตู และส่วนท้ายของรถดู คร่าว การสะท้อนของเงาและสีเป็นอย่างไร คุณอาจไม่รู้ว่ามาตรฐานมันเป็นอย่างไร เอาอะไรมาอ้างอิง ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้น สังเกตุดู การสะท้อน ดังรูป


     เปรียบเทียบกันระหว่าง พื้นที่ต้องสงสัย เปรียบเทียบกับพื้นที่ข้างๆ ครับ คุณต้องไล่ดูรอบๆคันช้าๆ เที่ยวแรกไม่เห็นไม่เป็นไร เดินอีกเที่ยว การค่อยๆดูทำให้คุณต้องโฟกัส สายตาและสมาธิไปกับตัวถังรถ ไล่ๆไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว

    ทำให้คุณเห็นความผิดปกติ (หากมี) ได้โดยอัตโนมัติ…. ส่วนของตัวถัง ส่วนที่เป็นโค้งมนน่ะครับเวลาเคาะหรือซ่อม ถ้าทำไม่ดี มันจะเห็นความแตกต่างเล็กน้อยถ้าสังเกตดีๆ ต้องใช้หลักการสะท้อนเงาช่วยดูด้วย

    แต่ถ้าไม่เห็นความผิดปกติใดๆ เลย ก็อาจเป็นไปได้ว่า ซ่อมมาอย่างดี หรือ ไม่เคยเกิดการเฉี่ยวชนมาก่อน ในเรื่องของ สีตัวรถนั้น ผมอาจจัดให้อยู่ในหมวด Minor defect check ก็ได้ เอาล่ะครับหากเห็นสิ่งผิดปกติเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไร คุณทำตามผมเป็นข้อๆ ไปก่อน เดี่ยวเราค่อยมาสรุปกันภายหลัง


   3. สังเกตุที่สันเหลี่ยม( Ridge & Line )ของตัวรถ

     หากรถคันที่ท่านต้องการมีสันเหลี่ยม หรือ สันด้านข้างยอดนิยม อย่างเช่น BMW หรืออีกหลายยี่ห้อก็นิยมมีสันแนวด้านข้าง ไล่สายตาสังเกตุดู เทียบด้านซ้ายกับด้านขวา น่ะครับ สันเหลี่ยมของรถคันเดียวกันซ้ายขวา ต้องมีความคมชัดที่เท่ากันทั้งสองด้าน ไล่ดูตั้งแต่บังโคลนหน้า ผ่านประตู ไปจนถึงส่วนท้าย



      และอย่าลืมมอง แนวสันบนฝากระโปรงหน้าด้วยหากมี ดูทั้งสองด้าน บางเตนท์นิยมซื้อรถที่ชนหนักมาราคาถูกแล้วซ่อมโดยวิธีตีเคาะเหล็กชิ้นเดิมโดยไม่เปลี่ยนเหล็กชิ้นใหม่ หากทำมาไม่เนียนจริงเราพอจะสังเกตุหรือจับผิดได้

    *การเลือกซื้อรถมือสองนั้น เหลี่ยมและสันของรถยนต์ เป็นจุดจับสังเกตุได้ดีทีเดียว เพราะมันต้องเหมือนกัน ตลอดแนว และ ซ้ายขวา*


     4.ดูด้านในฝากระโปรงรถ

       ฝากระโปรงหน้า เมื่อคุณเปิดแล้ว ลองดู ตรงนี้ บริเวณ รูกลม ระหว่างเหล็ก 2 ชิ้นมันซ้อนเหลื่อมกันอย่างเห็นได้ชัดหรือเปล่า และ น็อตที่ใช้ไขระหว่าง บังโกลน กับ ส่วนเฟรมตังถัง มีรอยบิ่นเหมือนถูกไข หรือ หัวน็อตสีไม่เหมือนกัน แสดงถึงการแกะ แงะ เพื่อ ทำอะไรบางอย่างหรือเปล่า หรือบางครั้งเกิดชนขึ้นมาประกันชั้นหนึ่งอาจเปลี่ยนบังโคลนไปเลย ซึ่งก็ถือว่าดีกว่าซ่อม ดูไว้ก็ดีแต่อย่าไปใส่ใจมากนัก

    ดูบริเวณ วงกลมสีขาว



     อยากให้ดูตรงขอบ สัน หรือ คาน หากคุณสามารถมองเห็นได้ ดูวงกลมที่วงไว้ในภาพ ว่าด้านซ้ายขวา นั้นสภาพเหมือนกันหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าด้านหนึ่งดูเหมือนทำสีใหม่ซะเงา อีกด้านสีด้านๆ (ซึ่งเป็นปกติ) หากเจอเช่นนี้ก็อาจเดาได้ว่า ชนแรงความแรงส่งผ่านจากบังโคลนมาถึงสันหรือขอบ

    กรณีนี้ถึงแม้จะเปลี่ยนบังโคลนมาใหม่แล้ว แต่ยังต้องดัดหรือซ่อม บริเวณขอบที่วงไว้นั้น ถ้ามีโอกาสเลือกได้ก็อย่าพึ่งเลือกรถคันนั้นเลย เมื่อเห็นดังนี้คุณอาจค่อยๆ ชิ่งไปดูคันอื่นดีกว่า

    สำหรับด้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นซีดานหรือแฮทซ์แบค เวลาเปิดฝากระโปรงหลัง หากแหวกหรือแงะดูใต้พรมหรือพลาสติกได้ ก็ลองทำดูหน่อยครับ หรือร่องเก็บยางอะไหล่นั้น ดูบุบบู้บี้ผิดรูปหรือเปล่า อันนี้คงไม่ยากเกินไปนะครับ

    ใจเย็นๆ โอกาสในการได้ used car ดีๆ ในราคาถูกกว่ากันเกือบ40% อาจเป็นของคุณ หากคุณ อ่าน วิธีเลือกรถมือสอง ทั้งสองโพสนี้อย่างละเอียด

     ต่อตอน2.......






รถที่คุณใช้อยู่ปลอดภัยแค่ไหน? 2.

รถยนต์ที่คุณใช้อยู่ปลอดภัยแค่ไหน 2 (เหล็กหนาหรือบางดีกว่า)

    น่าสงสัยเหลือเกินว่า..ผู้ซื้อรถบ้านอื่นเมืองอื่นเขามีพฤติกรรมเหมือนผู้ซื้อรถเมืองไทยหรือเปล่า นอกจากจะพิจารณาข้อมูลหลายอย่างตามที่ควรจะเป็น อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อบ้านเรามักชอบทำกันก็คือเดินเคาะรถ

    บางท่านก็เคาะเบาๆ แบบมีมรรยาท บางท่านก็เคาะอย่างกับเคาะประตูเรียกเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะเคาะอย่างไรพนักงานขายเขาก็คงแอบค้อนเอาบ้างล่ะ เพราะเขากลัวว่าจะเกิดลักยิ้มน่ะ แต่มนุษย์ลุง มนุษย์ป้า ก็จะเคาะกันต่อไป ไม่งั้นไม่ซื้อนะ


    เหล็ก ที่ใช้ขึ้นรูปตัวถังรถ แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นมีความหนาบางไม่เท่ากัน บางยี่ห้อก็ 0.6 mm. บางยี่ห้อก็ 0.8 mm แต่ละยี่ห้อก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่ บางทีก็ขึ้นอยู่กับส่วนต่างๆของตัวถังด้วย เช่นหลังคา อาจบางกว่าฝากระโปรงก็มี

    หรือถ้าเหล็กหนาเกินกว่านั้นอาจเป็นพวก SUV คันปึ๊ก หรือ Offroad แต่เวลาเราเดินเคาะรถบางคันที่เหล็กบางกว่า เสียงเคาะอาจดูแน่นปึ๊กกว่าก็มี เพราะตัวถังมีสันและเหลี่ยมมาก หรือ อาจเป็นได้ที่เคาะบริเวณใกล้เหลี่ยม ใกล้สัน เลยฟังดูแข็งแรงกว่า


     หากไม่นำเอาเรื่องการประหยัดน้ำมันมาคิด เชื่อว่าคนทั่วไปย่อมต้องชอบเหล็กหนามากกว่าเหล็กบาง เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า แต่ไม่ว่าจะหนาหรือบาง (ซึ่งที่จริงต่างกันไม่เท่าไหร่) มันแทบจะไม่มีผลเลยต่อความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุ

     ความจริงปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้รถคันนั้นปลอดภัยต่อการชนประทะอยู่ที่โครงสร้างตัวถังที่ขึ้นรูปมา วิศวกรจะคำนวณว่า คานตรงไหนรับแรงกระแทก ตรงไหนจะให้ตัวได้มากน้อยต่างกัน เหล็กท่อนไหนจะให้ยุบตัวได้ ส่วนบริเวณไหนจะยุบตัวไม่ได้เด็ดขาด บริเวณไหนจะใช้เหล็กแรงดึงสูง หรืออลูมิเนี่ยม

    และรถแพงๆ บางรุ่น เขาใช้เหล็กต่างชนิดกันในโครงสร้างตัวถังด้วยซ้ำไป ซึ่งเขาก็จะคำนวณกันมาอย่างดี ซึ่งหากเกิดการชนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด ผู้ขับขี่และผู้โดยสารก็จะปลอดภัยอยู่ภายในโครงสร้างตัวถัง แม้เวลาชนจะดูเหมือนหน้ายุบไปเยอะก็ตาม



    เราจะเห็นส่วนตัวถังโมโนคล็อกนั้นที่โบร์ชัวร์รถชอบนำมาเปลือยโชว์ จะเห็นว่า ตรงคานเสา A B C หรือ บริเวณคานหน้า , คานหลัง และคานบน ซึ่งแต่ละส่วนนั้นอาจมีสีที่ไม่เหมือนกันเช่นสีเหลือง สีแดง เพราะแต่ละจุดมันรับน้ำหนักแตกต่างกัน

    โครงสร้างพวกนี้ต่างหากที่จะปกป้องคุณหากเกิดอุบัติเหตุหนัก เหล็กที่ใช้หุ้มไม่ว่าหนาหรือเหล็กบางเมื่อเกิดอุบัติเหตุแรงๆ ถึงขึ้นนั้นแล้วมันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกครับ

    สมัยก่อนหน้านั้นเราได้ใช้รถยนต์ที่เหล็กหนาก็จริง และ บางรุ่นอาจจะไม่ได้ขิ้นรูปโครงสร้างตัวถังแบบ Monocoque แต่ใช้ตัวถังเหล็กครอบวางบน Chassis เหมือนรถกระบะ แม้จะใช้เหล็กที่หนากว่าปัจจุบัน และทุกส่วนจะแข็งมาก แทบจะไม่มีจุดใดให้ตัวได้เลย ทำให้เมื่อเกิดการชนแล้ว รถเสียหายน้อย แต่ผู้โดยสารเสียหายเยอะแบบหมอไม่รับซ่อม

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่รู้เลยว่าผู้ผลิตเขามีการทดสอบผลิตภัณฑ์ของเขาอย่างไรบ้าง เขาแคร์ชีวิตของเรามากแค่ไหน โดยเฉพาะผู้ผลิตโลกใหม่อย่างเอเชียและยุโรปตะวันออก

    จวบจนกระทั่งเริ่มมีมาตรฐานความปลอดภัยของเอกชนหรือจากรัฐและมีการแข่งขันในการสร้างมาตรฐานกัน อีกทั้งบางประเทศก็ได้บัญญัติกฏหมายที่ควบคุมบริษัทผู้ผลิตได้อย่างเข้มงวดขึ้น ทำให้ผลประโยชน์ตกกับพวกเราเหล่าผู้บริโภคได้มากขึ้นกว่าเมื่อในอดีตอย่างมาก

    หลังจากนั้นค่ายรถยนต์ต่างๆก็ต้องทำตาม ไม่ว่าจะถูกบังคับหรือเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ทัดเทียมคู่แข่ง แต่มันก็เป็นการยกระดับความปลอดภัยของมนุษย์ทีเดียว

    ไม่ว่ารถคุณจะใช้เหล็กหนาหรือบางเพียงไร โครงสร้างตัวถังเป็นแบบไหน แต่ผลลัพธ์คือต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยในการชน ในยุคทศวรรษที่แล้วจะเห็นได้ว่าค่ายไหนผ่านการทดสอบแบบนี้ล่ะก็เป็นต้องเอามาโฆษณาเสียใหญ่โต

    แต่ในปัจจุบัน ค่ายไหนไม่ผ่านการทดสอบ ก็ขายไม่ออกนะครับ คงต้องยกประโยขน์ให้อินเตอร์เนทด้วยเพราะความแพร่หลายของของข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้ ไม่มีใครหลอกใครได้ตลอดเวลาอีกต่อไป


    ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยมาก่อน กลับถูกนำมาแสดงไว้บนเวบไว้ให้ผู้สนใจเลือกรับเสพตามชอบใจ

ทีนี้คุณสามารถรู้ได้เลยว่า รถที่คุณใช้อยู่ปลอดภัยแค่ไหน หากเกิดการชน ที่นี่ http://www.euroncap.com/tests.aspx

รถยนต์ที่คุณใช้อยู่ปลอดภัยแค่ไหน? อ่านตอน1ที่นี่










---------------------------------










เปรียบเทียบและสั่งซื้อออนไลน์ง่ายๆ





รถที่คุณใช้อยู่ปลอดภัยแค่ไหน?1.

    รถยี่ห้อใด ปลอดภัยมากกว่ากัน ?

   ญาติผู้ใหญ่ของผมท่านหนึ่ง เคยใช้รถยนต์ยุคปี 80-90 มาก่อน และก็บำรุงรักษารถเป็นอย่างดีทีเดียว ท่านเลือกใช้ มาสด้า 323 ครับ ท่านซื้อมาราวๆปี 80 หรือ ประมาณนี้แหละครับ และเหตุผลของการเลือกก็คือ

   ท่านบอกว่าเหล็กตัวถังมันหนาดี ปลอดภัย เคาะแล้วแน่น ยี่ห้ออื่นเคาะแล้วดูมันโปร่งๆ ยังไงไม่รู้ เหล็กมันไม่หนา ท่านว่าอย่างนั้น ท่านเน้นเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก



     ท่านคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยกว่ายี่ห้ออื่นเวลาชน นั่นคือเหตุการณ์เมื่อก่อน แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลานี้ที่พึ่งซื้อรถใหม่ ท่านก็ยังต้องเดินเคาะๆ รถรอบๆคันอยู่ ตั้งแต่หัวจรดท้ายทีเดียว

    นี่คือตัวอย่างจากความเชื่อ ชึ่งเป็นเหมือนกันทุกคน เวลาคนเราไม่เชี่ยวชาญหรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นหรือสินค้าตัวนั้น สิ่งแรกที่เราใช้อ้างอิงอันดับแรก อาจเป็น สิ่งที่เขาบอกเล่ากันมา หรือ เขาบอกว่า

    ต่อมาก็อาจเป็นข้อมูลที่เราหาเองจากอินเตอร์เนท ซึ่งมั่วบ้างจริงบ้าง และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากข้อมูลที่คนขายให้เรามาอีกทีหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่มีรากฐานจาก First Impression นั้นสำคัญทีเดียว เพราะเหมือนมันจะถูก Installed อย่างอัตโนมัติ ลงในจิตใต้สำนึกไปแล้ว

    นักการตลาดก็เลยใช้ความเชื่อ ที่ได้ทำการวิจัยออกมา แล้ว ส่งให้ฝ่ายผลิตปรับแก้ผลิตภัณฑ์ตามความเชื่อของลูกค้า โดยมี CEO ให้ท้าย ทำให้ฝ่ายวิศวกรรมไม่กล้าหือ โดยไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนความเชื่อของผู้บริโภคเลยให้เสียเวลาเลย ดูเรื่องผงซักฟอกฟองเยอะในยุคนั้นซิ ถ้าไม่มีฟองเลยใครเล่าจะซื้อ

    อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังเล่นๆ ก็คือ เรื่องรถเก๋งญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่ง นักการตลาดเก่งมากๆ เขารู้ว่า Target group เขาคือใคร ต้องการอะไร และมีความเชื่ออย่างไร เขาก็ผลิตรถมาให้ลูกค้าเขาตามนั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงเกณฑ์มาตรฐานที่เคยๆทำกันมา หรือ ความคิดเห็นของนักทดสอบ หรือ ค่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นสักท่าไหร่นัก

    ตัวอย่างเช่น รถ Civic นั้นน่ะTarget group ดูเหมือนจะเป็น กลุ่มคนหนุ่มสาว มีรสนิยมในการใช้ชีวิต โฉมเฉี่ยวและสมัยนิยม และTarget อีก Group หนึ่งที่ใหญ่ไม่แพ้กลุ่มอื่น คือ กลุ่มผู้หญิง ภาพลักษณ์ทันสมัย อินเทรนด์ ผู้หญิงหลายคนที่ขับ Civic นั้นจะชอบ เรื่อง รูปลักษณ์ และอารมณ์การขับขี่ เช่น พวงมาลัยตอบสนองดี ฉับไว รถดูเหมือนเบา อุปกรณ์ทุกอย่างไม่หนักมือ เร่งแซงปรูดปร๊าดทันใจ ส่วนใหญ่เสียงตอบรับจะออกมาเป็นอย่างนี้



      ในเมื่อลูกค้าชอบแบบนี้ ก็สร้างมันแบบนี้ต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่าซะเลย ใส่ใจไปใยกับมาตรฐานของวงการ ซึ่งหากจะตามความเห็นส่วนตัวของผมนั้น พวงมาลัย มันไวเกินไปและสัมผัสไม่ดีนัก

      (ด้วยความเร็ว บางยี่ห้อ สมมุติขับหลับตาหรือเผลอมองข้างทางซัก2-3 วิ เวลาวิ่งเร็วๆ และมีลมประทะด้านข้าง เมื่อหันกลับมา อาจพบว่ารถเริ่มเบนนิดๆ บางยี่ห้อแค่เคลื่อนข้อมือนิดๆ เราก็รู้ตัวได้โดยแม้จะปิดตาหรือไม่ได้มองถนนในวินาทีนั้น )

   มันต้องมีเกณฑ์เปรียบเทียบซิ ใช่ครับ มันไวกว่ามาสด้า แลนเซอร์ และ อัลติสด้วย แต่ผู้ผลิตอาจบอกว่าพวงมาลัยเขาฉับไวแม่นยำไม่ได้ไวซักหน่อย

   หากขับทาง ไฮเวย์ ด้วยความเร็วสูง ผมว่ามันน่ากลัวไปนิดแม้ว่าจะเซทน้ำหนักให้ดูหนักก็ตาม ก็อย่างว่าเขาก็ต้องออกแบบตามที่ลูกค้าเขาต้องการไม่ใช่ออกแบบตามความคิดเห็นนักทดสอบ


     แล้วเรื่อง เหยียบแล้วเร่งปรู๊ดปร๊าดน่ะ คนเลยรู้สึกว่าเครื่องสุดยอดแถมยังฝังหัวจากโฆษณาเรื่อง V-Tech อีก ที่จริงมันก็เยี่ยมจริงๆนั่นแหละ แต่ที่ทำให้เร่งปรู๊ดปร๊าดก็คือ การปรับระยะแต่งคันเร่งให้สัมพันธ์กับสมองกลดีๆ ให้เหยียบนิดเดียว หัวฉีดทำงานแบบ โหมดสปอร์ตเลย เช่นเหยียบคันเร่งลึกหนึ่งเซนติเมตรเท่ากับยี่ห้ออื่น แต่พุ่งกว่าชาวบ้านเขา หรือเซทอัตราทดเกียร์หนึ่งให้ทดรอบกว่าชาวบ้านเขา ก็เลยรู้สึกเหมือนรถมันแรก เครื่องมันดี อะไรทำนองนี้

    แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะตัวเองเป็นคนเท้าหนัก เวลาขับแล้วมักจะมีคอมเมนต์จากคนนั่งว่า นั่งไม่สบายขับไม่สมูท ที่จริงหากมาวัดอัตราเร่งจาก 0-100 Km/hr กันจริงๆ ตัวเลขอาจไม่ได้หนีกันจากคู่แข่งซักเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกที่รู้สึกว่ามันพุ่งกว่า ลูกค้าก็ติดภาพลักษณ์เรื่องเครื่องดี เหยียบพุ่งไปแล้ว ที่เล่ามาไม่ได้โจมตีอะไรนะครับ เพราะที่บ้านก็ใช้อยู่คันนึง....

    แค่เล่าให้ฟังเท่านั้น เป็นเรื่องความเชื่อของผู้บริโภคกับนักการตลาด เล่ามาซะนาน ยังไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่อง เหล็กหนา เหล็กบาง กับความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนตรงไหนเลย อันที่จริงแล้ว ผมชอบไปเที่ยวทะเล ก็เลยพาคนอ่านออกทะเลไปบ้างนิดหน่อย

     แต่ยังไงก็ตามมันก็เกี่ยวข้องกันอยู่บ้างนะครับ กับเรื่องความเชื่อที่เกี่ยวกับความปลอดภัย แต่ตอน 2 รับรอง คุณจะเข้าใจเรื่องเหล็กหุ้มรถยนต์ได้ดีขึ้นทีเดียว




----------------


ซื้อรถใหม่ เลือกให้เป็น (จะได้ไม่ต้องมานั่งทำใจ)

เลือกซื้อรถใหม่ คิดไม่ตก

       เมื่อจะซื้อรถใหม่ซักคัน บางคนอาจไม่มีปัญหาใดๆเลยในการเลือกเลย เพราะพวกเขามโนเลือกไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีเงิน   แต่เชื่อเถอะมีอีกหลายคน แม้เงินจะพร้อมแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับลังเล รักพี่เสียดายน้อง  เลือกไม่ถูกว่าจะเอาคันไหนดี   บางคนก็อาจเลยเถิดถึงขั้นย้ำคิดย้ำทำไปเลยทีเดียว 


       คนที่ชอบเรื่องรถอาจเห็นว่าไร้สาระ  แต่สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องนี้ มันทำให้ปวดกบาลจนทะเลาะกับคู่ชีวิตได้จริงๆ  กะอีแค่ เลือกซื้อรถใหม่ซักคัน  เอาล่ะครับ  ลองอ่านนี่ดูก่อน บางทีอาจจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อยนะครับ  ตอนนี้เรามาหยุดพักความลังเลออกไปก่อนแล้ว แล้วมาพิจารณาเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้


      1.เลือกที่ความชอบของคุณ เริ่มที่ตัวคุณ ฟังเสียงตัวเอง  

        รถที่คุณชอบจริงๆ  มันเร้ากิเลสคุณเหลือเกิน  คุณหลงไหลมันจริงๆ   ......อย่าๆพึ่ง คิดถึงเหตุผลอื่นใด ยัง..ยังไม่ใช่ตอนนี้    หากคุณเชื่อมั่นว่ามันเป็นความสุขของคุณ และคุณไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน  เหตุผลอื่นๆ  ก็ไม่มีความหมายแล้ว  ซื้อเลย....

      เพียงแต่ก่อนจะซื้อ  ต้องลอง   ลองเลย   ลองขับ ลองนั่งดู หลายคนพอลองขับลองนั่งดูรถบางยี่ห้อแล้วแล้วกลับพบว่ามันไม่เหมือนที่มโนไว้เลย พอมาลองแล้วเปลี่ยนใจเปลี่ยนยี่ห้อก็มี   

      ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการคุย เมื่อคุณได้พูดคุยกับ Sales   แล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ (เพราะเซลส์เก๋ามีเยอะ เซลส์ทอล์คก็มีมาก)  ก็อาจลองไปดูโชว์รูมอื่นบ้าง  หากรู้สึกไม่ดีกับเซลส์ผู้นั้น มีร้อยแปดวิธีหาข้ออ้างให้สุภาพ    

    เมื่อลองดูโชว์รูมที่อื่น หากรู้สึกดีกว่า ก็คุยเรื่องเงื่อนไขต่างๆทั้งเรื่องการเงินและ ของแถมซึ่งควรต้องถูกระบุเป็นลายลักษณ์อักษร และประมาณการวันที่จะส่งมอบรถได้ด้วยครับ  อย่าลืมขอป้ายแดงแท้นะครับ เดียวตำรวจจะจับเอา

          “ขอให้มีความสุขกับรถคันใหม่ของคุณนะครับ”

  

                                          
      หากยังฟันธงไม่ได้  ตัวเลือกของท่านมีถึง 2-3  ยี่ห้อ รักพี่เสียดายน้อง ไม่เป็นไร  การซื้อรถบางคนคิดมากกว่าแค่ความชอบ ยังมีเหตุผลต่างๆ และความคุ้มค่า ที่ต้องนำมาพิจรารณาอีกด้วย 

      ตอนนี้เราลองมาใช้ข้อมูลทางเทคนิค และความคุ้มค่าอื่น ๆซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญ มาประกอบการตัดสินใจกันดีกว่า  แต่ละคนอาจซีเรียสในแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ทีนี้มาพิจารณาเปรียบเทียบข้อมูลต่อกันเลยครับ


         2.พิจารณาจากข้อมูลทางเทคนิคของโรงงานและข้อมูลจากนักทดสอบ

         อัตราการสิ้นเปลือง  /  ระยะเบรค / อัตราเร่ง   ข้อมูลเหล่านี้ในรถตลาดทั่วไป เราสามารถหาข้อมูลทางเทคนิคจากโบว์ชัวร์หรือข้อมูลจาก อากู๋  โดยพิมพ์คำเหล่านั้นลงใน  Google  เช่น  ทดสอบ, รีวิว, ตามด้วยรุ่นและยี่ห้อรถที่คุณสนใจ  สำหรับเรื่อง Specification ต่างๆ ของรถ จะมีข้อมูลเปรียบเทียบหลังโบว์ชัวร์ปกติหรือ  อยู่ในเวบไซด์ของแต่ละยี่ห้อเอง

       แต่หลายๆท่านก็ตัดสินใจซื้อโดยที่ไม่ได้ใส่ใจข้อมูลเหล่านั้น  ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนที่ไม่ชอบ  หากท่านไม่ชอบข้อมูล ที่ดูแล้ววุ่นวายเสียเวลา พวกนี้ ก็ไม่เป็นไร 

      แค่ "แหงะ" ดูความคิดเห็นของนักทดสอบหรือนักคอมเมนต์ที่น่าเชื่อถือบ้าง ก็น่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ดีตัวหนึ่ง


       3.พิจารณาเรื่องของศูนย์บริการ

       ส่วนใหญ่แล้ว คำพูดที่ว่า "เขาว่า" เราควรฟังหูไว้หู แต่สำหรับเรื่องศูนย์บริการรถยนต์ คำว่า "เขาว่า"  มันค่อนข้างจริง หลายเรื่องที่คุณได้ยินมานั้น มีส่วนถูกอยู่มากในภาพรวม แต่ก็ต้องดูเป็นรายโชว์รูมไป และก็ต้องดูว่า ที่เขาว่านะ  เขาใช้เองหรือได้ยินเขาว่ามาอีกที บางทีบางค่ายก็พัฒนาดีขึ้นมาก ในขณะบางค่ายยิ่งขยายยิ่งห่วย

      ทีนี้พอพิจารณาเรื่องนี้ดีๆแล้ว ใช้ข้อมูลที่อัพเดท.... เราจะเห็นได้ว่า รถบางยี่ห้อขับแล้ว มีแนวโน้มจะ อุ่นใจ กว่า บางยี่ห้อ  

      หากยังไม่แน่ใจ ก็กลับไปอ่านข้อนี้ใหม่   ............นั่นแหละ เรื่องที่เขาว่านะมีส่วนถูกอยู่มาก  การเลือกซื้อรถใหม่  ข้อนี้ก็จะยังสำคัญเสมอ 


       4.พิจารณาเรื่อง อัตราการกินน้ำมัน เป็นสำคัญ   

       ขอยกตัวอย่างจากรถ C cegment  ยอดนิยมแล้วกัน มักจะมีรถที่โดดเด่นมากกว่าคู่แข่ง  อย่างเช่น Civic  น้ำมัน 1 ลิตร อาจวิ่งได้ถึง 14-16 KM    /  Cruze   อาจวิ่งได้เพียง 14 KM  /  Mazda3 Skyavtic  อาจวิ่งได้ 14-18km.  มีโชว์ให้เห็นในการรีวิวโดย นักทดสอบ ที่ทดสอบด้วยการควบคุมปัจจัยภายนอกทุกอย่างให้เหมือนกัน  ข้อมูลเหล่านี้ท่านหรือผมไม่จำเป็นต้องทดสอบเอง   แต่อย่าลืมว่า การใช้งานปกติ ไม่มีใครขับเลี้ยงคันเร่งเพื่อให้ได้ค่าประหยัดน้ำมันสูงสุดอยู่ตลอดการเดินทาง  แต่มันก็เป็นปัจจัยในการเลือกเช่นกัน 


      ( ผู้เขียนขับมาสด้า 2 --17 เคยทำได้ 19-20 โลลิตร แต่นั่นคือการขับเพื่อทดลอง คือเลี้ยงคันเร่ง ที่ประมาณ 110  แต่ถ้าขับแบบใช้งานจริง เร็วบ้าง ช้าบ้าง เร่งบ้าง ก็ได้ประมาณ 16 โลลิตร ในทางหลวง ตจว)

       เราอาจเข้าไปเช็คดู ในเวบต่างๆ มีคนเขาทำให้เสร็จสรรพอยู่แล้ว  เราเพียงแต่เลือกนำมาใช้ ฟังคอมเมนต์ของพวกเขาก่อน มีนิตรสารรถยนต์ เช่น นักเลงรถ ยวดยาน และ เวบไซด์รีวิวรถต่างๆ ที่โดดเด่นในปัจจุบันนี้ก็คือ www.headlightmag.com  ( ไม่ใช่หน้าม้าใดๆ ทั้งสิ้นอย่าสงสัยเลย  ) 

       และถ้ายังไม่ชัวร์ในแต่ละยี่ห้อ จะมี คลับของตนเองอยู่ เป็นเวบไซด์ต่างๆ เช่น Altis , Civic หรือ Mazda3 รถยุโรปก็มีนะ   เราใช้อากู๋ให้เป็นประโยชน์อีกครั้ง 

       ในนั้นจะมีผู้ใช้ตัวจริง ซึ่งเป็นสมาชิก มารีวิว อัตราการสิ้นเปลือง และการใช้งานจริง กันหลายเจ้าเลย ทั้งรีวิว แบบบ้านๆ และ รีวิวแบบควบคุมปัจจัยภายนอก  ข้อมูลการบริโภคน้ำมันตรงนี้ มันชัดเจน และเป็นจริงมากที่สุด........ลองดูนะครับ




         ทีนี้เริ่มเห็นรถของท่านมาลางๆ หรือยังครับ ถ้ายังก็มาต่อกันอีก


        5.พิจารณาเรื่อง เสถียรภาพเมื่อขับทางไกลด้วยความเร็ว (หากท่านให้ความสำคัญในเรื่องนี้)

       บางยี่ห้อหนี่งอาจจะโดดเด่นกว่าอีกยี่ห้ออย่างเห็นได้ชัด แต่บางท่านอาจไม่ค่อยมีประสาทสัมผัสที่เด่นชัดกับเรื่องที่ท่านไม่ถนัด ก็ไม่เป็นไร ถ้าหากชอบความเฟิร์มบนไฮเวย์ แต่ไม่มีโอกาสขับเร็วขนาดนั้น   ก็ลองดูในรีวิวที่นักทดสอบเขาทำไว้แล้ว ในเวบต่างๆที่ผมเคยแนะไว้

      หากท่านมีประสาทสัมผัสเด่นชัดในเรื่องนี้ ทดลองขับตามถนนท่านก็ อาจรับรู้ได้  ลองดูนะครับ  

     แม้กระทั่ง รถเยอรมันหรูๆ ใครจะรู้ว่า ซีรีย์ 5 ขับความเร็วสูง แล้ว รู้สึกเฟิร์มกว่า E class (ก่อน Minor change) ล่ะครับ แต่ E เขาก็มีจุดเด่นบางข้อที่เหนือกว่า  ก็ต้องดูว่าท่านชอบคุณสมบัติข้อไหน 


      6.หากท่านให้ความสำคัญในเรื่องความคล่องแคล่วและความล้ำเลิศ

       บางยี่ห้อก็เหมาะสำหรับหนุ่มสาวไฟแรงในเมืองใหญ่ ให้ความคล่องตัวสูงกว่าเมื่อขับในเมือง  อาจด้วยการเซทพวงมาลัยที่แม่นยำ (หรือว่าเซทอัตราทดให้ไวอย่างเดียว ) จนรู้สึกไวไปบ้าง  คันเร่งเบาแตะนิดเดียวเป็นพุ่งอะไรทำนองนี้  คล่องแคล่วเวลาซิกแซก  แม่นยำเวลาสลาลม ดีไซด์ภายในได้สวยงามรองรับทุกอรรถประโยชน์ได้ดีกว่า แต่ขับทางไกลด้วยความเร็วอาจไม่นิ่งเท่าคู่แข่ง

    แต่หากท่านจำเป็นต้องขับทางไกลบ่อยๆด้วยความเร็วสูง  ท่านอาจเลือกรถที่มีเสถียรภาพที่ความเร็วสูง มากกว่ารถที่มีความคล่องตัวในเมือง  (ขอยกตัวอย่างแค่ C cegment ที่มี อิมแพคต่อชนชั้นกลางสูงนะครับ)อาจเป็น  Lancer หรือ Mazda3 หรือ รถแบรด์ฝรั่ง บางยี่ห้อ เริ่มเห็นภาพรถของท่านเริ่มชัดเจนขึ้นมาอีกแล้วใช่มั้ยครับ


       7. หากท่านให้ความสำคัญเรื่อง สมรรถนะ มากกว่าด้านอื่นๆ

       บางทีท่านอาจชอบเล่นรถ ชอบแข่งขัน   ท่านก็อาจจะอยากรู้สมรรถนะสูงสุดของรถมากกว่าที่โบว์ชัวแสดง ขอแนะนำว่าอ่านบทความรีวิวตามคลับต่างๆก่อน เราจำเป็นต้องอาศัยทักษะและประสาทสัมผัสของคนเหล่านั้นแทน เพราะมันอันตรายเกินกว่าที่จะทดลองเองได้ เช่น  ความเร็วสูงสุด   ระยะการเบรค  การเปลี่ยนเลนกระทันหัน   ความแม่นยำของพวงมาลัย    การขับขี่ที่สนุกสนาน     ระบบกันสะเทือน   การเกาะโค้ง    ระบบเบรค   อัตราเร่ง 

      ก็หาได้จากบททดสอบทั่วไป ในอากู๋เช่นเคย  หาไม่ยากหรอกครับ ในชมรม หรือ Club ต่างๆ  หากคุณต้องการรู้ของ Camry  หรือ Vios คุณก็ คีย์ใน กูเกิล แล้วหา Club เหล่านั้น เลือกดูคอมเมต์ที่หลากหลาย  (พิมพ์ รุ่นหรือยี่ห้อ และต่อด้วย คลับ ได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ)



  
       ซึ่งแน่นอน หากมีหลายคน ก็หลายความคิดเห็น แต่ส่วนใหญ่แล้ว หากลองดูหลายๆท่าน  แนวโน้มมักจะมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน อาจแตกต่างกันในรายละเอียดบ้างเฉพาะในเรื่องของความรู้สึก 

       ใช้ Google ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดในการเลือกซื้อสินค้า ในเวบที่ผมได้แนะนำและในคลับ เฉพาะของผู้ใช้แต่ละยี่ห้อ หากคุณจะตั้้งคำถามใหม่ ก็สมัครเมมเบอร์ได้เลย มีคนพร้อมจะตอบคุณอยู่เสมอแหละครับ ถ้าคุณพร้อมที่จะถาม 

       ดูเหมือนเราจะได้ข้อมูลได้ดีและถูกต้องกว่าแหล่งอื่น  สำหรับใน พันทิพนั้น  ข้อมูลดีๆ ก็มีเยอะ แต่เกรียนที่ดูเหมือนเซียนก็เยอะเหมือนกัน

       ใช้ อินเตอร์เนท ให้คุ้มค่านะครับ นักอ่านยุค IT เมื่อได้ข้อมูลต่างๆแล้ว   ทีนี้ฟันธงได้เลย  รถของคุณ เงินของคุณ  แต่หากเป็นเงินคนอื่น  ก็อีกเรื่อง 

       แต่เดี๋ยวก่อน ช้าก่อน  ..ยังมีเรื่องที่สำคัญมาก ทำใจให้หนักแน่นเข้าไว้    รอก่อน ฉีดวัคซีนคุ้มกันผู้หวังดีก่อน    ผู้หวังดีที่ดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใย มีความรอบรู้สารพัด แม้คุณจะฟัง แต่คุณก็ไม่ควรดังต่อไปนี้
               

      ไม่ควรพิจารณาจากคำพูดของผู้หวังดีที่เอาข้อมูลมาจาก “เขาบอกว่า” ให้มากนัก แม้บางส่วนอาจจริงบ้าง   (ไม่ใช่เขาคนเดียวกับข้อ3 นะครับ ในข้อ3 ส่วนที่เกี่ยวกับศูนย์บริการนั้นค่อนข้างแม่น)

เขาบอกว่า   รุ่นนี้นะจุกจิกไม่ทน 
     อาจเป็นความเชื่อที่ฝังในจิตใต้สำนึกของเขาเอง โดยที่ไม่ยอมอัพเดท หรือ เป็นแค่ภาพลักษณ์เก่าๆในอดีตของรถยี่ห้อนั้น และบางรุ่น บางยี่ห้อ แม้กระทั่งรถยุโรปราคาแพง ที่เคยทนถึก ก็อาจจุกจิกจนกวนใจ เพราะของเล่นเยอะ ไฟฟ้าเริ่มแยะ เราก็ต้องคอยอัพเดทกันไป ควรเข้าร่วมกลุ่มสมาชิกของรุ่นนั้นๆเพื่อจะได้รู้ข้อเท็จจริงจากผู้ใช้จริง ทางเพจ หรือ เวบไซด์ใดๆ 

เขาบอกว่า รุ่นนี้  เกียร์เปราะ เสียง่าย  
    บางทีอาจจริง หากเป็น เกียร์ CVT แต่เท่าที่พบหลายๆครั้งเกิดจากการไม่บำรุงรักษาตามคู่มือหรือไม่ถนัดของใหม่และเขาก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แข่ง  ดังเช่น ก่อนที่เกียร์ออโต้จะแพร่หลายก็โดนป้ายสีว่าไม่ทน แต่ศรีก็ทนมาจนแพร่หลายเช่นทุกวันนี้ 
   และบางยี่ห้อ ประเภทกดคันเร่งปั๊บ รถพุ่ง ไม่มีหน่วงเลย สองแสนกว่าโล  ทอร์คคอนเวอรทเตอร์ อาจเจ๊ง

เขาบอกว่า รุ่นนี้น่ะ เหล็กบางเคาะแล้วเหมือนสังกะสี
    ความจริงความปลอดภัยต่อการชนประทะนั้นขึ้นอยู่กับโครงรถหรือ คานที่ขึ้นรูปมากกว่าความหนาบางของเหล็ก  อ่าน เหล็กหนาหรือบางมีผลอย่างไร ในบล็อคนี้

เขาบอกว่า รุ่นนี้อะไหล่แพง  
     หากเป็นรถsegment เดียวกัน ประเทศเดียวกัน และไม่ใช่รถที่หายากหรือเป็นยี่ห้อใหม่ๆ ในท้องถนน ราคาอะไหล่แท้ไม่สู้จะแตกต่างกันมากนัก ที่แตกต่างกันก็เพราะยี่ห้อยอดนิยม มีอะไหล่ เทียบ(OEM) และอะไหล่เทียม (ลดสเปค)  และอาจจะมีอะไหล่ปลอม อย่างแพร่หลาย  ก็เลยดูว่าถูกกว่า 

เขาบอกว่า รุ่นนี้กินน้ำมัน
    มีรถคันใดบ้างกินน้ำ  รถขนาดเดียวกัน ความจุกระบอกสูบใกล้เคียงกัน กินน้ำมันมากน้อยต่างกัน  แต่ก็ไม่ได้หนีกันจนน่าเกลียด รถบางรุ่นกินน้ำมันมากกว่า แต่ชดเชยจุดเด่นด้านอื่นขึ้นมาก็มีมาก ยกเว้นจะมีเทคโนโลยี่ใหม่ๆ เช่น eco-boost หรือ SKY แต่มันก็แพงกว่าซะงั้น

เขาบอกว่า ยี่ห้อนี้ศูนย์บริการน้อย
    ก็เป็นความจริง  บางยี่ห้อศูนย์บริการน้อยกว่า แต่ก็ดีไปอย่างไม่ต้องต่อคิว บางยี่ห้อ ศูนย์บริการเป็นดอกเห็ด  แต่ต้องต่อคิวนาน ถึงขั้นต้องนัดล่วงหน้า แล้วอาจมีปัญหาด้าย QC ก็เป็นได้  รถขายน้อยศูนย์ก็ต้องน้อย  รถขายมาก ศูนย์ก็มาก 

เขาบอกว่า ยี่ห้อนี้ศูนย์บริการห่วยแตก 
    โดยมากมักจะจริงครับ   

เขาบอกว่า  รุ่นนี้ ขายต่อไม่ได้ราคา   
     ดูเหมือนจะจริง แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเหมือนฟ้ากับเหว อย่างเช่น โตโยต้า เมื่อใช้ 2 ปี ราคาอาจร่วง 20 % แต่ญี่ปุ่นเจ้าอื่นๆอาจร่วง 30%  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพรถ และความนิยมในขณะนั้นด้วย

    เอาล่ะครับตอนนี้ กระบวนการเลือกของคุณ  คุณชอบ คุณศึกษา คุณเปรียบเทียบ มาอย่างดีแล้ว และคุณได้รับการฉีดวัคซีนคุ้มกันผู้หวังดีแล้ว 

    ตอนนี้คุณคงมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วล่ะ คุณแค่ต้องการมีใครหรืออะไรก็ตามสนับสนุนความเห็นของคุณ  เพิ่มอีกนิดเดียวเท่านั้นเอง……..นี่ไงเป็นเหตุผลทำให้คุณเข้ามาอ่าน ............... ขอให้มีความสุขกับการเลือกซื้อรถคันใหม่ของคุณครับ


----------------------------------------